แผลคีลอยด์ คืออะไร รักษาแผลคีลอยด์ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง

ปัญหาของ “แผลคีลอยด์” มักพบได้บ่อย ซึ่งปัญหานี้เกิดจากความผิดปกติของการฟื้นฟูแผล ร่างกายมีการสร้างคอลลาเจนที่นูนมากกว่าปกติ ทำให้มีรอยนูนออกนอกขอบแผลเดิมที่ควรจะเป็น โดยส่วนใหญ่มักมีอาการเจ็บ คัน แสบ หรือมีอาการระคายเคืองบริเวณแผลบ่อยๆ แผลประเภทนี้ หากมีการเกาแผล ใส่เสื้อผ้ารัดเกินไป หรือมีการเสียดสีบ่อยๆ ก็จะส่งผลทำให้แผลคีลอยด์นั้นขยายขึ้นได้

คีลอยด์ คืออะไร

คีลอยด์ (Keloid) คือ แผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูน และมีขนาดใหญ่กว่ารอยแผลที่เกิดขึ้น สามารถรักษาได้หลายวิธี ซึ่งการฉีดคีลอยด์ ก็เป็นวิธีการรักษารูปแบบหนึ่ง ที่จะใช้การฉีดสารสเตียรอยด์เข้าไปชะลอการทำงานของเซลล์ ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้รักษาร่วมกับการทำเลเซอร์ ฉายแสง หรือการผ่าตัด

แผลคีลอยด์ เกิดจากอะไร

แผลคีลอยด์เกิดจากภาวะเนื้อเยื่อเจริญเติบโตเกินปกติเห็นเป็นเนื้อนูนหนาในบริเวณ ที่เคยเป็นแผลต่าง ๆโดยจะเกิดหลังจากแผลเหลาานั้นหายดีแล้ว พบได้บ่อยมากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุแม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ก็อาจทำให้รู้สึกเจ็บ คัน ระคายเคือง หรือส่งผลด้านความสวยงามได้

รักษาแผลคีลอยด์ได้ด้วยวิธีใดบ้าง

การรักษา “แผลคีลอยด์” ทำได้หลายวิธี โดยเริ่มตั้งแต่

• การฉีดยาในกลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อเข้าไปลดการสร้างคอลลาเจนที่ผิดปกติ
• การใช้สาร Botulinum Toxin หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “Botox” ก็สามารถนำมาใช้ในการรักษาแผลคีลอยด์ได้ผลค่อนข้างดี นอกจากการฉีดแล้ว ยังสามารถรักษาแผลคีลอยด์ได้ด้วยการผ่าตัด
• การผ่าตัด ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก ไม่เช่นนั้นแล้วอาจทำให้แผลใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยการผ่าตัดแผลคีลอยด์ อาจใช้ร่วมกับ โกรทเฟคเตอร์ (Growth Factor) การฉายรังสี เลเซอร์ หรือใช้ร่วมกับซิลิโคน ทั้งแบบทา และแบบแผ่นแปะ
• ปลอกแขน และผ้ารัด ในกรณีคนไข้ที่มีจากการโดนไฟลวก แผลถูกความร้อนที่เป็นบริเวณกว้างๆ ก็จะใช้ผ้ารัด หรือใส่ปลอกแขนรัดไว้ เพื่อไม่ให้เกิดแผลคีลอยด์ขึ้นมา
• เทคโนโลยีพลาสม่า (Plasma Effect) ก็เป็นอีกอันหนึ่งที่น่าจะนำมาใช้รักษาได้ในอนาคตต่อไป