
แฟรกทอร่า แฟรกชั่นนอล เทคโนโลยี (FRACTORA™ Fractional Technology)
เป็นการรักษาโดยแพทย์ ด้วยคลื่นความถี่วิทยุแบบแฟรกชั่นนอล (Fractional radio-frequency) ช่วยรักษาปัญหาของโครงสร้างผิวเช่นหลุมสิว แผลเป็น ช่วยฟื้นฟูความตึงตัวของผิว ลดริ้วรอยแห่งวัย ฟื้นฟูความแข็งแรงของโครงสร้างผิวจากภายในสู่ภายนอก ผิวมีสุขภาพดี

หลักการทำงาน
เป็นเทคโนโลยีในกลุ่มที่ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency) ที่ความถี่ 1MHz โดยหลักการทำงาน คือ การปล่อยพลังงานความร้อน (อุณหภูมิ 40-100 องศา) จากพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ แบบ 2 ขั้ว (Bipolar) ส่งผ่านพลังงานผ่านเข็มปลายเข็มขนาดเล็ก (Pins) ลงไปใต้ผิวในชั้นหนังแท้แบบแฟรกชั่นนอล (Fractional) ทำให้เกิด 3 กระบวนการในคราวเดียวกันได้แก่กระบวนการ อะบลาชั่น (ablation) ร่วมกับกระบวนการโคะกรูเอชั่น (coagulation)และกระบวนการซับ-เนคโคติค ฮีททิ้ง (Sub-necrotic heating)ของผิว ก่อให้เกิดกระบวนการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนแบบมีแผล และยังคงกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่และทำให้การจัดเรียงตัวของคอลลาเจนเดิมดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวหนังที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้น ริ้วรอยเหี่ยวย่นจางลง รวมถึงปัญหาแผลเป็นและแผลเป็นหลุมสิว

และที่ แปลมเข็มขนาดเล็กแต่ละขั้ว (Pins) จะมีตัวควบคุมค่าพลังงาน (Feedback Control) เพื่อควบคุมอุณหภูมิตามที่ตั้งของค่าพลังงานให้เท่ากันทุกเล่ม ทำให้แพทย์สามารถควบคุมพลังงานที่ปล่อยลงไปในชั้นผิวได้ตามที่ต้องการ โดยที่ตัวเครื่องแฟรกทอร่า (Fractora) จะมีหน้าจอโชว์การตั้งค่าให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ผู้ที่เหมาะสม
- ใช้สำหรับการรักษาริ้วรอย
- แผลเป็น
- หลุมสิว
- ความผิดปกติของเม็ดสีชั้นตื้น superficial spider ,telangectesiasและskin texture
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
- ผู้ป่วยต้องทำความเข้าใจถึงความสำคัญของคำแนะนำก่อนและหลังทำการรักษา และความรู้สึกขณะทำการรักษาอย่างละเอียด เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน
- อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น Erythem(แดงเรื่อๆ)น้อยกว่า 24 ชม. บวม 2-3 วัน อาจพบจุดแดงปรากฏประมาณ 1-3 วันหลังการรักษา วันที่ 4 หลังการรักษาอาจพบขรุยละเอียดซึ่งจะหลุดลอกไปภายใน 1-3 สัปดาห์
- อาการบวมในบางรายอาจคงอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์
- อาการเจ็บผิวหรือไม่สุขสบายอาจเกิดขึ้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง
- อาจพบสะเก็ดละเอียดขนาดเล็กคงอยู่บริเวณผิวที่ทำการรักษาภายหลังการรักษาประมาณ 7-10 วัน
- อาการบวมอาจคงค้างอยู่ประมาณ 1-3 สัปดาห์ในกรณีที่ใช้ tulmescent
- กระบวนการซ่อมแซมผิวใหม่นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละราย
- ผลการยกกระชับหลังการจัดเรียงตัวของคอลลลาเจนใหม่จะให้ผลสูงสุดหลังจากการรักษาในสัปดาห์ที่ 6-12
ข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้ ซึ่งควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
- ผู้ป่วยที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจเช่น Peacemaker หรือ ใส่ intetnal defibrillator หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกใดๆในร่างกาย
- ผู้ที่ผ่าตัดใส่โลหะเช่น metal plates,Screwsหรือ Silicon ในร่างกาย
- ผู้ที่ทำหัตถการฉีด ควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
- ผู้ป่วยมีเป็นมะเร็งผิวหนังหรือมีประวัติเคยเป็นมะเร็งผิวหนัง หรือมี pre-maligmant moles
- ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคเรื้ออาทิเช่น ภาวะโรคหัวใจ
- ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ป่วยที่มีภาวะของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาทิเช่น HIV
- ผู้ป่วยที่มีภาวะของโรคที่สามารถกระตุ้นได้ด้วยความร้อนอาทิเช่น Herpes Simplex อาจต้องให้ยากลุ่ม prophylactic
- ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้
- ผู้ป่วยที่มีภาวะ active skin อาทิเช่น แผลกดทับ สะเก็ดเงิน ผื่น กลาก
- ผู้ป่วยที่มีประวัติของ skin disorder เช่น การเกิด keloid ความผิดปรกติของการซ่อมแซมผิว ผู้ที่มีผิวแห้งมากและผิวบาง
- ผู้ป่วยที่การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือหากมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดต้องหยุดใช้ยา 10 วันก่อนการรักษา
- ผู้ป่วยที่มีการผ่าตัดบริเวณใบหน้าน้อยกว่า 1 ปี ก่อนทำการรักษา
- ผู้ป่วยที่มีการทำการผลัดผิวหน้า (facial dermabration, facial resurfacing หรือ deep chemical peeling) น้อยกว่า 3 เดือนก่อนทำการรักษา
- ผู้ป่วยที่เคยทำการรักษาด้วย IPL Laser และRF ควรเว้นระยะห่างก่อนทำการรักษาอย่างน้อย 6 สัปดาห์
- ผู้ป่วยที่ทานยา Isotretinoin ควรหยุดยาอย่างน้อย 6 เดือนก่อนทำการรักษา
- ผู้ป่วยที่ใช้ยากลุ่ม NSAIDS อาทิเช่น ibuprofen ควรหยุดยาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนและหลังทำการรักษา
- ห้ามทำการรักษาบริเวณรอยสัก หรือบริเวณที่สักคิ้ว ขอบตา ริมฝีปากถาวร
- ห้ามทำการรักษาบริเวณขอบไรผม
- ผู้ป่วยที่มี skin type VI และผู้ป่วยที่มีสีผิวแทนจากการอาบแดด ใช้ยาทำสีผิวแทน และ ใช้ tanning bed ควรเว้นระยะห่างก่อนทำการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.invasix.com/fractora_7/เรียบเรียงโดยฝ่ายวิจัยและพัฒนา [ แก้ไขข้อมูล 19/11/59 ]