NAD+ IV Therapy ฟื้นฟูเซลล์ถึงราก กันความจำเสื่อม

NAD+ IV Therapy

แม้คำว่า ‘บานไม่รู้โรย’ จะเป็นสิ่งแสนธรรมดาเมื่อใช้แค่เรียกขานไม้ดอกต้นหนึ่ง ทว่าถ้าใช้กับบริบทอื่นเช่นความรักและช่วงชีวิตที่ยืนยาวนานน่าปรารถนาล่ะ จะวิเศษขนาดไหน ไม่ง่ายเลยที่จะคงสภาพร่างกายให้แข็งแรงกระปรี้กระเปร่า ยิ่งนานวัน ยิ่งโรยรา แล้วทำอย่างไร.. จึงจะย่นชะลอวัยให้อยู่ยืนยง บางคนอาจเคยได้ยิน NAD+ ผ่านหูมาบ้าง หากต้องพาผู้ใหญ่ในบ้านเข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่สำหรับใครที่ไม่เคยล่วงรู้ถึงมันมาก่อนและประสบปัญหาอาการอ่อนเพลีย หมดไฟ ความทรงจำเริ่มไม่ดีเหมือนเก่าก่อน เราค่อยทำความรู้จักกับ NAD+ IV Therapy ทีละสเต็ป


NAD+ IV Therapy

NAD+ คืออะไร


NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide คืออนุพันธ์วิตามิน B3 (Nichotinic Acid) และโคเอ็นไซน์ (Co-Enzyme) ชนิดหนึ่งซึ่งเกี่ยวพันกับอายุขัยของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ ทั้งในแง่การให้พลังงาน ควบคุมระดับเมตาบอลิซึมและนาฬิกาชีวิต รวมถึงรักษาพยาธิสภาพระดับเซลล์ DNA (Deoxyribonucleic Acid) ได้มีประสิทธิภาพ โดยทำงานร่วมกับองค์ประกอบหลักอื่นอีก 2 ตัว ได้แก่

  • เซอทูอิน (Sirtuins): หรือ Silent Information Regulator โปรตีนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ กระบวนการตายของเซลล์ ความต้านทานต่อความเครียด ตลอดการใช้พลังงานของเซลล์ ทั้งนี้มีงานวิจัยหลายชิ้นได้เผยให้เห็นว่าระดับ NAD+ ร่วมกับกิจกรรมการทำงานของเซอทูอินที่ลดลงมีส่วนเร่งการร่วงโรยแห่งวัย
  • ไมโตคอนเดรีย (Mitochondria): ตัวการซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานไฟฟ้าที่คอยป้อนพลังงานเข้าสู่เซลล์ทั่วร่างกาย

 

NAD+ IV Therapy

โดยปรกติวิธีใดบ้างที่สามารถเพิ่ม NAD+


สืบเนื่องจาก NAD+ เป็นสารประกอบธรรมชาติและโคเอ็มไซน์ในร่างกายของเรา จึงเป็นธรรมดาที่เราจะสามารถเพิ่มระดับ NAD+ ให้สูงขึ้นผ่านกิจกรรมการใช้ชีวิตของเรา และหนทางเหล่านั้นก็คือ

  • การออกกำลังกาย: สามารถเพิ่มจำนวน NAD+ ในร่างกายให้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องใช้อาหารเสริมรวมด้วย ทั้งยังคงความสามารถของตัว NAD+ ให้คงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
  • รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของ NMN, Vitamin B3 หรือ Tryptophan: เนื่องจาก NMN (Nicotinamide Mononucleotide) เป็นหนึ่งในสารชนิดหนึ่งซึ่งสำคัญต่อการสร้าง NAD+ จึงเป็นส่วนสำคัญซึ่งช่วยลดชะวัย (Anti-Aging) จากความเสื่อมของร่างกาย ทั้งนี้สามารถพบ NMN ได้จากอาหารจำพวกผัก เช่น กะหล่ำปลี บล็อกโคลี่ มะเขือยาว ถั่วแระญี่ปุ่น (Edamame) อะโวคาโด

อย่างไรก็ตาม NAD+ ซึ่งดำรงอยู่ในร่างกายเราจะเริ่มลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้นจนส่งผลให้เซอทูอินปิดการทำงาน ก่อเกิดความเสื่อมของระบบประสาทและก่อโรคอื่นตามมา เช่น โรคหัวใจ ความจำเสื่อม ประสิทธิการคิดและการรับสัมผัสร่นถอยลง เหตุนี้เองที่ทำให้การเพิ่ม NAD+ ด้วยวิถีการใช้ชีวิตอาจไม่เพียงพอและทันการ ทั้งยังได้สารอาหารหลังการย่อยได้ไม่เต็มที่ NAD+ IV Therapy จึงกลายเป็นมิติใหม่ที่ช่วยเรายืดอายุขัยได้สะดวกรวดเร็วขึ้น


NAD+ IV Therapy

NAD+ IV Therapy ยืดชะลอเซลล์ บูธสมองให้ทำงานได้อย่างทรงพลัง


NAD+ IV Therapy เป็นสูตรการรักษาด้วยการให้ NAD+ ร่วมกับวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดดำ (IV Drips) ซึ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและสมองได้อย่างดี ซึ่งตอบโจทย์ผู้ประสบประสบปัญหาอาการอ่อนเพลียหรือผู้สูงอายุที่ร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลจนส่งผลต่อความสามารถทางระบบประสาทและสมอง เช่น สมองเสื่อม ภาวะสั่น ภาวะหลงลืม

NAD+ IV Therapy ช่วยเรื่องใดบ้าง


การทำ NAD+ IV Therapy ช่วยเราได้หลากหลายประการ เช่น

    • ฟื้นพลังงานและอัตราเผาผลาญ
    • ลดและยับยั้งความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง
    • ป้องกันการเสียมวลกล้ามเนื้อพร้อมเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ
    • เพิ่มระดับ HDL Cholesteral ที่ดีแก่ร่างกาย ลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
    • เสริมการทำงานของระบบประสาทและสมองให้ห่างไกลจากอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน

NAD+ IV Therapy

Q&A ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ NAD+ IV Therapy


เหมาะกับใครบ้าง

การทำ NAD+ IV Therapy เหมาะกับทุกเพศวัยที่มีปัญหาอ่อนเพลีย อ่อนแรง ระบบประสาทและสมองทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพดังเดิมอันเนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือผู้สูงวัยที่ประสบปัญหากับโรคแห่งความเสื่อมของวัย เช่น โรคหัวใจ ความดันเลือดสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด อัลไซเมอร์ อาการสั่น

แตกต่างจากรับ NAD+ ด้วยวิธีแบบอื่นอย่างไรบ้าง

แม้ว่าปัจจุบันเราจะสามารถรับ NAD+ ได้ทั้งแบบรับประทานแบบยาเม็ด การให้ยาอมใต้ลิ้น (Sublingual solution) และการฉีด ทว่าวิธีที่ได้รับความนิยมและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการทำ IV Therapy หรือ Intravenous Drips ซึ่งก็คือการส่งผ่านวิตามิน สารอาหาร แร่ธาตุเข้าสู่เส้นเลือดดำผ่านถุงน้ำเกลือที่ละหยดเล็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารรวมทั้ง NAD+ ไปใช้ได้เต็มอัตรา

ระยะเวลาและจำนวนครั้งที่ควรทำ

โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ระยะเวลารักษาแตกต่างกันตามแต่สภาพอาการของผู้เข้ารับการรักษา ทั้งนี้ NAD+ IV Therapy สามารถทำได้ 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ กระทั่ง 1 – 2 ครั้ง/เดือน ซึ่งไม่แตกต่างจากการทำ IV Therapy จากสูตรอื่นมากนัก หรือตามแต่ดุลยพินิจของแพทย์ว่าควรทำกี่ครั้ง ณ ช่วงเวลาดังกล่าว

ผลข้างเคียง

เนื่องจาก NAD+ IV Therapy จัดเป็น IV Drips อีกสูตรหนึ่งซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA จึงทำให้การรักษาโดยทั่วไปนั้นปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การทำ NAD+ IV Therapy อาจก่อเกิดอาการชา เวียนหัวเล็กน้อยอยู่ชั่วคราว ก่อนร่างกายจะกลับสู่สภาวะปรกติอีกครั้งหนึ่ง

การคงสภาพของ NAD+ ให้อยู่ได้นาน

สามารถทำได้ด้วยหลายข้อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการระยะเวลาและคุณภาพการนอน ลดการบริโภคน้ำตาล การจำกัดแครอลี่อาหารที่รับประทานเข้าไป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือแม้แต่การรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome) ก็ล้วนช่วยรักษาระดับ NAD+ ให้อยู่กับเราได้นานขึ้น

ไม่เหมาะกับใคร

การให้ NAD+ IV Therapy ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปริมาณเอ็มไซม์ในตับสูงหรือมีค่าอัตราการกรองของไต (GFR: Glomerular Filtration Rate) น้อยกว่า 45


NAD+ IV Therapy

ข้อควรคำนึงก่อน-หลังเข้ารับการรักษาด้วย NAD+IV Therapy


  • ควรหยุดรับประทานอาหารเสริมในกลุ่มเดียวกับ NAD+ เช่น Nicotinic Acid, Nicotinamide, Niacin
  • กรณีของผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะสมและรัดกุมแก่บุคคล
  • หากเกิดอาการไข้ต่ำหลังการรักษาด้วย NAD+ IV ควรแจ้งแพทย์ทันที

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

หนังสือ

อัจจิมา สุวรรณจินดา. (2566). อ่านทันก็... Young ดี. พิมพ์ครั้งที่ 1

กรุงเทพฯ: มาสเตอร์สไตล์, 2566

 

เว็บไซต์

https://healthnews.com/longevity/longevity-supplements/nad-should-you-take-it-and-what-benefits-to-expect/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4112140/




สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้