แม้คำว่า ‘บานไม่รู้โรย’ จะเป็นสิ่งแสนธรรมดาเมื่อใช้แค่เรียกขานไม้ดอกต้นหนึ่ง ทว่าถ้าใช้กับบริบทอื่นเช่นความรักและช่วงชีวิตที่ยืนยาวนานน่าปรารถนาล่ะ จะวิเศษขนาดไหน ไม่ง่ายเลยที่จะคงสภาพร่างกายให้แข็งแรงกระปรี้กระเปร่า ยิ่งนานวัน ยิ่งโรยรา แล้วทำอย่างไร.. จึงจะย่นชะลอวัยให้อยู่ยืนยง บางคนอาจเคยได้ยิน NAD+ ผ่านหูมาบ้าง หากต้องพาผู้ใหญ่ในบ้านเข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่สำหรับใครที่ไม่เคยล่วงรู้ถึงมันมาก่อนและประสบปัญหาอาการอ่อนเพลีย หมดไฟ ความทรงจำเริ่มไม่ดีเหมือนเก่าก่อน เราค่อยทำความรู้จักกับ NAD+ IV Therapy ทีละสเต็ป
NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide คืออนุพันธ์วิตามิน B3 (Nichotinic Acid) และโคเอ็นไซน์ (Co-Enzyme) ชนิดหนึ่งซึ่งเกี่ยวพันกับอายุขัยของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ ทั้งในแง่การให้พลังงาน ควบคุมระดับเมตาบอลิซึมและนาฬิกาชีวิต รวมถึงรักษาพยาธิสภาพระดับเซลล์ DNA (Deoxyribonucleic Acid) ได้มีประสิทธิภาพ โดยทำงานร่วมกับองค์ประกอบหลักอื่นอีก 2 ตัว ได้แก่
สืบเนื่องจาก NAD+ เป็นสารประกอบธรรมชาติและโคเอ็มไซน์ในร่างกายของเรา จึงเป็นธรรมดาที่เราจะสามารถเพิ่มระดับ NAD+ ให้สูงขึ้นผ่านกิจกรรมการใช้ชีวิตของเรา และหนทางเหล่านั้นก็คือ
อย่างไรก็ตาม NAD+ ซึ่งดำรงอยู่ในร่างกายเราจะเริ่มลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้นจนส่งผลให้เซอทูอินปิดการทำงาน ก่อเกิดความเสื่อมของระบบประสาทและก่อโรคอื่นตามมา เช่น โรคหัวใจ ความจำเสื่อม ประสิทธิการคิดและการรับสัมผัสร่นถอยลง เหตุนี้เองที่ทำให้การเพิ่ม NAD+ ด้วยวิถีการใช้ชีวิตอาจไม่เพียงพอและทันการ ทั้งยังได้สารอาหารหลังการย่อยได้ไม่เต็มที่ NAD+ IV Therapy จึงกลายเป็นมิติใหม่ที่ช่วยเรายืดอายุขัยได้สะดวกรวดเร็วขึ้น
NAD+ IV Therapy เป็นสูตรการรักษาด้วยการให้ NAD+ ร่วมกับวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดดำ (IV Drips) ซึ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและสมองได้อย่างดี ซึ่งตอบโจทย์ผู้ประสบประสบปัญหาอาการอ่อนเพลียหรือผู้สูงอายุที่ร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลจนส่งผลต่อความสามารถทางระบบประสาทและสมอง เช่น สมองเสื่อม ภาวะสั่น ภาวะหลงลืม
การทำ NAD+ IV Therapy ช่วยเราได้หลากหลายประการ เช่น
การทำ NAD+ IV Therapy เหมาะกับทุกเพศวัยที่มีปัญหาอ่อนเพลีย อ่อนแรง ระบบประสาทและสมองทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพดังเดิมอันเนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือผู้สูงวัยที่ประสบปัญหากับโรคแห่งความเสื่อมของวัย เช่น โรคหัวใจ ความดันเลือดสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด อัลไซเมอร์ อาการสั่น
แม้ว่าปัจจุบันเราจะสามารถรับ NAD+ ได้ทั้งแบบรับประทานแบบยาเม็ด การให้ยาอมใต้ลิ้น (Sublingual solution) และการฉีด ทว่าวิธีที่ได้รับความนิยมและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการทำ IV Therapy หรือ Intravenous Drips ซึ่งก็คือการส่งผ่านวิตามิน สารอาหาร แร่ธาตุเข้าสู่เส้นเลือดดำผ่านถุงน้ำเกลือที่ละหยดเล็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารรวมทั้ง NAD+ ไปใช้ได้เต็มอัตรา
โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ระยะเวลารักษาแตกต่างกันตามแต่สภาพอาการของผู้เข้ารับการรักษา ทั้งนี้ NAD+ IV Therapy สามารถทำได้ 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ กระทั่ง 1 – 2 ครั้ง/เดือน ซึ่งไม่แตกต่างจากการทำ IV Therapy จากสูตรอื่นมากนัก หรือตามแต่ดุลยพินิจของแพทย์ว่าควรทำกี่ครั้ง ณ ช่วงเวลาดังกล่าว
เนื่องจาก NAD+ IV Therapy จัดเป็น IV Drips อีกสูตรหนึ่งซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA จึงทำให้การรักษาโดยทั่วไปนั้นปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การทำ NAD+ IV Therapy อาจก่อเกิดอาการชา เวียนหัวเล็กน้อยอยู่ชั่วคราว ก่อนร่างกายจะกลับสู่สภาวะปรกติอีกครั้งหนึ่ง
สามารถทำได้ด้วยหลายข้อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการระยะเวลาและคุณภาพการนอน ลดการบริโภคน้ำตาล การจำกัดแครอลี่อาหารที่รับประทานเข้าไป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือแม้แต่การรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome) ก็ล้วนช่วยรักษาระดับ NAD+ ให้อยู่กับเราได้นานขึ้น
การให้ NAD+ IV Therapy ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปริมาณเอ็มไซม์ในตับสูงหรือมีค่าอัตราการกรองของไต (GFR: Glomerular Filtration Rate) น้อยกว่า 45
หนังสือ
อัจจิมา สุวรรณจินดา. (2566). อ่านทันก็... Young ดี. พิมพ์ครั้งที่ 1
กรุงเทพฯ: มาสเตอร์สไตล์, 2566
เว็บไซต์
https://healthnews.com/longevity/longevity-supplements/nad-should-you-take-it-and-what-benefits-to-expect/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4112140/