
Venus Legacy (วีนัส เลกาซี่)
Venus Legacy (วีนัส เลกาซี่) เป็นเครื่องมือแพทย์จากบริษัทวีนัสคอนเซป(VenusConcept)ประเทศแคนนาดา ใช้ในการดูแลรูปร่างให้เพรียว กระชับสัดส่วน ลดรอยแตกลาย ลดเรือนริ้วรอยแห่งวัย เพิ่มความตึงกระชับเนียนเรียบและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตทำให้ผิวสุขภาพดี อาศัยเทคโนโลยีฟอร์ดีวีนัสเลกาซี่ (4D™ Venus Legacy™) จึงเป็นการรักษาที่ปลอดภัย ไร้ความเจ็บปวดและให้ผลการรักษาที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
หลักการทำงาน
หลักการทำงาน
เครื่องวีนัสเลกาซี่ อาศัยเทคโนโลยีฟอร์ดีวีนัสเลกาซี่(4D™ Venus Legacy™ )ที่รวม4เทคโนโลยีไว้ด้วยกันได้แก่เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุหลายขั้ว Multi-Polar RF ที่มีความถี่ 1MHz โดยให้ส่งพลังงานความร้อนที่มีอุณหภูมิสม่ำเสมอในช่วง46-50องศา แทรกซึมลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อลึกสุดที่ 3.75 เซ็นติเมตรจนถึงชั้นเซลล์ไขมัน, เทคโนโลยีสนามแม่เหล็ก(Pulsed Magnetic)ได้ถูกใช้ในทางการแพทย์ดั้งเดิมเป็นเวลาหลายทศวรรษที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์, เทคโนโลยีวารีเพ้าส์(Vari-Pulse) ช่วยปรับจังหวะการดูดสำหรับการเจาะลึกของพลังงาน การนวดอย่างนิ่มนวลเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง ตลอดจนการกระตุ้นการไหลเวียนทั่วไป,และเรียวไทม์เทอร์มอลฟีดแบ๊ก(Real-Time Thermal Feedback)ช่วยบอกผลการทำงานของความร้อนทันทีตามเวลาจริง โดยการผสมผสานการทำงานของเครื่องวัดอุณหภูมิแบบแฮนด์ฟรีกับกราฟที่สามารถมองเห็นได้บนหน้าจอ

ด้วยการประสานของทั้ง 4 เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของวีนัสเลกาซี่ที่สามารถส่งพลังงานความร้อนลงสู่ใต้ผิวอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวและชั้นไขมันใต้ผิวเกิดความร้อนช่วง46-50องศาก่อให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจน และเซลล์ไขมันเกิดการสั่นสะเทือนจนเกิดการปลดปล่อยของกรดไขมันในเซลล์ไขมันออกมาเป็นของเหลวซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการลดความหนาของชั้นไขมันลง และเกิดการจัดเรียงโครงสร้างผิวใหม่และเกิดการกระชับแน่นของผิว สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้าและลำตัว
เหมาะสำหรับ
- ลดเซลลูไลท์
- ลดเลือนริ้วรอย
- ลดขนาดของเส้นรอบวง
- กระชับผิว
- ลดเลือนรอยแตกลาย
- ขับของเสียและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
ผู้ที่ไม่เหมาะสม
- มีอาการอักเสบ หรือติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- เป็น หรือเคยเป็นมะเร็ง หรือมีเซลล์ที่สามารถกลายเป็นมะเร็งได้โดยเฉพาะในบริเวณที่ทำการรักษา
- มีภาวะเสื่อมทางระบบประสาท
- เป็นโรคที่สามารถกระตุ้นได้โดยความร้อน เช่น เริมในบริเวณที่ต้องการรักษา
- ใช่เครื่องกระตุ้นหัวใจ เครื่องควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ
- มีการใส่โลหะไว้ในร่างกายในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา (ยกเว้นอุปกรณ์ทำฟัน)
- มีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ที่ไม่สามารถควบคุมได้
- เป็นเส้นเลือดขอด
- ตั้งครรภ์ หรือ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
- มีอาการทางผิวหนังที่เกี่ยวกับโรคภูมิต้านทานตนเองบกพร่อง
- มีการฉีดหรือเสริมซิลิโคนในผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- ตามดุลยพินิจของแพทย์
ผู้ที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา- มีการฉีดโบทอกซ์ในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา (ให้เว้นระยะ 1 เดือนหลังจากมีการฉีดโบทอกซ์ครั้งล่าสุดก่อนมารับการรักษา)
- กำลังเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดา
- เป็นโรคลมบ้าหมู
- มีการทำเลเซอร์และการผลัดลอกเซลล์ผิวด้วยสารเคมีภายใน 1 เดือนก่อนมารับการรักษา
- มีแผลเป็น บาดแผล หรือมีรอยถลอกที่เกิดใหม่ในบริเวณที่ต้องการรับการรักษา
- มีภาวะเส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ
- ไม่แนะนำให้ทำบริเวณเหนือต่อมไทรอยด์
- มีการใช้กรดวิตามินเออย่างต่อเนื่อง (เช่น โรแอคคิวเทน)
- เพิ่งได้รับการฉีดฟิลเลอร์
- เพิ่งได้รับการผ่าตัด
- ผื่นแดงบนใบหน้า(Rosacia) (ไม่แนะนำให้ทำบริเวณใบหน้า แต่สามารถทำบริเวณอื่นๆได้)
การดูแลรักษาและข้อควรระวัง
- ถอดเครื่องประดับ หรือ วัสดุที่เป็นโลหะออกทั้งหมด
- ทำความสะอาดบริเวณที่ทำการรักษาให้ปราศจากโลชั่น หรือ เครื่องสำอาง
- ในกรณีทำการรักษาบริเวณหน้าท้อง ควรรับประทานอาหารมาก่อนอย่างน้อย 30 นาที
- ในกรณีทำการรักษาบริเวณหน้า ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์มาก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์*
- ในกรณีทำการรักษาบริเวณหน้า ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์อย่างน้อย 1 เดือน*
- ในกรณีทำการรักษาบริเวณหน้า ควรเว้นระยะห่างจากการร้อยไหมละลายอย่างน้อย1-3 เดือน*
- ตามดุลยพินิจของแพทย์
ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษา
- ควรดื่มน้ำเยอะๆวันละ2-3ลิตรต่อวัน
- ไม่ควรเข้าซาวน่าหน้าหลังการทำทรีทเม้นต์
- ในกรณีทำทรีทเม้นต์บริเวณลำตัว ไม่ควรรับประทานอาหารหลังการทำทรีทเม้นต์ทันทีควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
เรียบเรียงโดย ฝ่ายวิจัยและพัฒนา [ แก้ไขข้อมูล 1/12/59 ]