หากพูดถึงโรคไทรอยด์ หลายคนน่าจะคุ้นหู ในปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมาก ที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคไทรอยด์ จึงไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที และยังเป็นโรคฮิตของเหล่าดารา หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมผู้ป่วยไทรอยด์บางรายมีรูปร่างอ้วน บางรายก็มีรูปร่างที่ผอม แท้จริงแล้วไทรอยด์ส่งผลอย่างไรกับร่างกายกันแน่ ต่อมไทรอยด์เป็นอย่างไร อยู่ส่วนไหนของร่างกาย รวมไปถึงอาการแบบไหน ที่บ่งบอกว่ากำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงเป็นโรคไทรอยด์ เพื่อจะได้รีบทำการรักษา
ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) เป็นต่อมไร้ท่อที่มีลักษณะเหมือนรูปผีเสื้อ อยู่ส่วนล่างของกลางลำคอ เป็นอวัยวะหนึ่งที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งฮอร์โมนที่ถูกผลิตจากต่อมไทรอยด์ มีอยู่ 3 ตัวคือ
ฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นฮอร์โมนที่สำคัญมากต่อร่างกาย เพราะเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับ Metabolism หรือการเผาผลาญของร่างกาย การเผาผลาญอาหาร การเผาผลาญออกซิเจน (oxygen) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ จะส่งผลให้มีรูปร่างอ้วน หรือไม่ก็ผอม
หากร่างกายมีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายได้หลายระบบ ทั้งในส่วนระบบเผาผลาญของร่างกาย และระบบประสาท ส่งผลให้ผู้ป่วยนั้นมีอาการ คิดช้า พูดช้า ความจำไม่ดี ในบางรายอาจมีอาการปวดตามกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติมาก ๆ จะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด มีอาการตาโปน หลับตาไม่สนิท หรือมีอาการบวมของเยื่อบุในลูกตา จนไปถึงอาการต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานของตับและไตผิดปกติ มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง และยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไทรอยด์ มีปัญหาได้หลายรูปแบบ เช่น มีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ทำให้เกิดอาการบวมโต หรือเป็นเนื้องอก ที่เป็นมะเร็งไทรอยด์ หรือโรคคอพอก อีกกลุ่มหนึ่งคือโรคภูมิเพี้ยนไทรอยด์ มีผลทำให้เกิดการอักเสบของไทรอยด์ ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ เกิดอาการที่ร่างกายต่อต้านเซลล์ของตัวเอง ทำให้เป็นโรคเบาหวาน โรคเกล็ดเลือดต่ำ โรครูมาตอยด์ (โรคไขข้ออักเสบ), หรือโรคด่างขาว
การใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้น มีส่วนทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ซึ่งเกิดจากสารพิษที่ได้รับในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร จากอากาศ ความเครียด ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือกลุ่มคนไข้ที่มีปัญหาในเรื่องของพันธุกรรม หากเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักเพิ่ม หรือลดลงอย่างรวดเร็ว ก็สามารถเข้ารับการตรวจได้
มีการผิดปกติของต่อมไทรอยด์ แพทย์ก็จะมีแนวทางในการรักษาหลากหลายแบบ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของผู้ป่วย เช่น การให้ไทรอยด์สังเคราะห์ การให้ฮอร์โมน การใช้รังสีทำลายเนื้องอก การทานไอโอดีน หรือการกลืนแร่ ทั้งนี้ต้องอยู่ในการดูแล และดุลยพินิจของแพทย์
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การป้องกันไม่ให้เกิดโรคของไทรอยด์ การดูแลให้ร่างกายทำงานได้ดี จะต้องทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุล เช่น การออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ ทำให้ร่างกายมีระบบไหลเวียนที่ดี ลดการอักเสบของร่างกายด้วยการควบคุมอาหาร รักษาภูมิต้านทานให้แข็งแรง จะช่วยลดภาวะการเปิดปัญหาภาวะภูมิเพี้ยนไทรอยด์ได้