แม้ว่าเทรนด์การดริปวิตามิน (IV Drip) จะเป็นเทรนด์ที่มาแรงแซงทางโค้งเพียงใด ก็ไม่วายต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นตลอดการรักษา และเพื่อให้ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะพูดถึงข้อควรระวัง หรือแนวทางพิจารณาก่อนตัดสินใจรับการดริปวิตามิน
แม้ว่าการดริปวิตามินจะมากคุณประโยชน์ ทว่าหากเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐานหรือภายใต้การดูแลจากแพทย์และผู้ชำนาญ อาจก่อผลข้างเคียงรุนแรงได้ เช่น อาการหน้ามืด ผื่นคัน อาเจียน นอกจากนี้การดริปวิตามินอาจไม่เหมาะกับบางคนที่เป็นโรคไต ความดันเลือดสูง หรือผู้มีอวัยวะที่ไม่ทนรับวิตามินเข้มข้นสูงในคราวเดียว
ดริปวิตามินเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ
จากภาพจะเห็นว่า เราอาจได้วิตามินผ่านการกินเพียง 50% หรือน้อยกว่านั้น เนื่องจากต้องใช้ย่อยและดูดซึม ซึ่งอาจได้ปริมาณสารอาหารที่ตกทอดสู่ร่างกายไม่เต็มหน่วย และถูกขับถ่ายไปในที่สุด แตกต่างจากการดริปวิตามิน (IV Drip) ที่เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดจะสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้เต็มที่กว่า
เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เรามาดู 4 เช็คลิสต์สำคัญที่ควรคำนึงก่อนตัดสินใจเข้ารับการดริปวิตามินอย่างไรให้เซฟชีวิตเรา เริ่มจากข้อแรกกันเลยค่ะ
เมดดิไซน์ (อัจจิมา สหคลินิก) สามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับการรักษาภายใต้การดูแลจากบุคลากร พยาบาลวิชาชีพและแพทย์ชำนาญการ ซึ่งนำโดย ดร. พญ. อัจจิมา สุวรรณจินดา ศัลยแพทย์ผิวหนังด้านเลเซอร์ มะเร็งผิวหนัง และเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Anti-Aging and Regenerative Medicine) มากประสบการณ์
ไม่ว่าจะเป็นการรักษาใด ๆ ก็ตาม ควรได้รับการรักษาโดยแพทย์ผิวหนังภายใต้คลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ โดยเราสามารถตรวจสอบว่าสถานพยาบาลดังกล่าวประกอบกิจการจริงหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ของกรมสนับสนุนบริการและสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขที่ https://hosp.hss.moph.go.th/
เหล่านิ้อาจรวมไปถึงความสะอาดของสถานที่ มาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 ความสามารถของบุคลากร และ Service Mind ที่ให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกสบายใจตลอดการทำหัตถการ ภายใต้สถานที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวเสมือนอยู่ในบ้าน
เป็นเรื่องพื้นฐานที่สถานพยาบาลทุกแห่งควรมี เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกปลอดภัย และได้ผลลัพธ์หลังการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด ภายใต้การดูแลของพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ