โปรแกรมการรักษาโรคสะเก็ดเงินแบบองค์รวม
โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่รักษาแล้วไม่หายขาด ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื้อรัง จะเป็นๆหายๆ แต่สามารถรักษาให้โรคสงบได้ โดยระยะเวลาที่โรคสงบพบได้ตั้งแต่ 1 – 54 ปี อาการของผู้ป่วยแต่ละคน จะดีขึ้นเร็วเพียงใด ขึ้นกับการปฏิบัติตัวของแต่ละบุคคล ดังนั้นเป้าหมายของการรักษาจึงมุ่งเน้นบรรเทาอาการของผู้ป่วยให้ทุเลาลง และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เป็นทางเลือกหนึ่งที่ใช้ในการรักษาและบรรเทาอาการของโรคสะเก็ดเงิน ดังนี้
- พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรค เช่น
- หาวิธีจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล ด้วยการนั่งสมาธิ ฝึกกำหนดลมหายใจ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูหนัง ฯลฯ และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ไม่แกะหรือเกาผิวหนัง และระวังไม่ให้ผิวหนังเกิดบาดแผล
- ไม่สูบบุหรี่ หรือดมควันบุหรี่ เนื่องจากสารนิโคตินในควันบุหรี่จะกระตุ้นให้เกิดผิวหนังอักเสบและทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองได้
- ทาครีมที่มีส่วนประกอบของสมุนไพร เช่น สารแคปไซซินจากพริก ว่านหางจระเข้ รากชะเอม คาโมมายล์ จะช่วยลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปวด แดง คันในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินได้
- โภชนบำบัด ด้วยการปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร ได้แก่
- ควรเลือกรับประทานอาหารจากธรรมชาติที่ปราศจากสารเจือปน ทั้งสารแต่งสี กลิ่น รส สารกันบูด
- ควรเลือกรับประทานผักและผลไม้ โดยเฉพาะแอปเปิ้ล เบอร์รี่ มะเขือเทศ หัวหอม บร็อคโคลี่ ปวยเล้ง และแครอท ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด จึงช่วยลดบรรเทาอาการอักเสบได้ และยังอุดมด้วยเส้นใยอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างปกติ ลดปัญหาการท้องผูก และช่วยเร่งการกำจัดสารพิษไม่ให้ตกค้างในร่างกายได้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานที่มีส่วนประกอบของข้าวสาลี (Wheat) ข้าวโพด และไข่ เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักแพ้อาหารเหล่านี้ เมื่องดรับประทานอาหารเหล่านี้แล้วผู้ป่วยมักจะมีอาการดีขึ้น
- รับประทานปลาทะเลที่มี omega 3 สูง ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคลเรล ปลาทูน่า ปลาเฮอริ่ง ให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผื่นผิวหนัง
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยเร่งการขับถ่ายสารพิษและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ไม่ลอกเป็นสะเก็ดหรือเป็นขุย
- รับประทานอาหารเสริม ซึ่งอาหารเสริมที่ช่วยบรรเทาอาการของโรคสะเก็ดเงิน ได้แก่
- วิตามินเอ ควรรับประทานในรูปของเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นฟอร์มของวิตามินเอที่มีความปลอดภัยสูง ช่วยลดการสร้างสารพิษโพลีเอมีน จึงช่วยลดการแบ่งตัวของเซลล์ได้
- วิตามินบีรวม ได้แก่ วิตามินบี 1 บี5 บี 6 บี 12 โฟเลต จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ ช่วยซ่อมแซมผิว สมานบาดแผล ช่วยลดการติดเชื้อ จึงช่วยบรรเทาอาการของโรคสะเก็ดเงินได้
- วิตามินซี เควอเซติน วิตามินอี และสารสกัดจากกระดูกอ่อนปลาฉลาม ช่วยลดการเกิดสารอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย จึงช่วยลดความรุนแรงและลดอาการอักเสบ บวม แดง คันของผิวหนังในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินได้
- วิตามินดีในรูปของวิตามิน D3 ช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว T-cell จึงช่วยลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิว
- Milk Tristle มีสารฟลาโวนอยด์ที่ชื่อว่า Silymarin มีฤทธิ์ในการปกป้องตับจากการถูกทำลายจากสารพิษหรือยาต่างๆ ช่วยซ่อมแซมเซลล์และฟื้นฟูเซลล์ตับให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ โดยการลดการสร้างสาร Leukotrienes ที่ก่อให้ เกิดการอักเสบและลดการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว T-cell ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงช่วยลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวได้ด้วย
- Fumaric acid ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว T-cell ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินได้เป็นอย่างดี
- น้ำมันปลา ประกอบด้วยกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า -3 ที่เรียกว่า EPA และ DHA ซึ่งกรดไขมัน EPA ช่วยยับยังการสร้างสาร Leukotrienes ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบ ลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิว นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการของข้ออักเสบในผู้ป่วยที่เป็นข้ออักเสบจากโรคสะเก็ดเงินได้
- น้ำมันเมล็ดลินิน (Flax seed oil) ประกอบด้วยกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า -3 ที่ช่วยยับยั้งการสร้างสารอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบได้ และยังช่วยบรรเทาอาการของข้ออักเสบในผู้ป่วยที่เป็นข้ออักเสบจากโรคสะเก็ดเงินได้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การวิ่ง จะช่วยเร่งการขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้อาการของโรคสะเก็ดเงินดีขึ้น
- ล้างพิษทางหลอดเลือด ได้แก่
- คีเลชั่นบำบัด คือ การล้างพิษด้วยการทำคีเลชั่น โดยการใช้ EDTA (Ethyline Diamine Tetra Acetic Acid) ผสมกับวิตามินและเกลือแร่ต่างๆที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระทางหลอดเลือดดำ เพื่อเข้าไปกำจัดสารโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น สารตะกั่ว ปรอท สารหนู รวมถึงสารโลหะหนัก ได้แก่ ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี ที่แม้ว่าจะเป็นสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากมีการสะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดก็อาจทำให้เกิดโรคได้ การทำคีเลชั่นยังช่วยลดปริมาณการเกิดสารอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบ สามารถใช้คีเลชั่นบำบัดเสริมการรักษาโรคสะเก็ดเงินได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ ผื่นเรื้อรัง คันและบวมแดงได้เป็นอย่างดี สาร EDTA มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากร่างกายสามารถกำจัดสารชนิดนี้ได้ในเวลา 48 ชั่วโมง โดยขับออกมาทางปัสสาวะ ไม่มีการสะสมในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง นอกจากในบางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ ระคายเคืองผิวหนัง ท้องเสีย เหนื่อยง่ายในช่วงแรกๆของการทำ
- ออกซิเจนบำบัด (H.O.T.) คือ การใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์ผสมกับเลือดและผ่านขบวนการของรังสีอัลตราไวโอเลต ทำให้เม็ดเลือดมีความอ่อนตัวสูง สามารถไหลผ่านหลอดเลือดได้อย่างสะดวก สามารถนำพาสารอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์และฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยต้านการอักเสบ ช่วยสมานบาดแผล จึงช่วยบรรเทาและรักษาอาการของโรคสะเก็ดเงินที่เป็นเรื้อรังได้ โดยปราศจากผลข้างเคียงที่ร้ายแรง ยกเว้นบางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อย เป็นไข้ ตัวสั่น เนื่องจากเกิดการกำจัดพิษในร่างกาย ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ช่วงวันแรกๆของการทำ จากนั้นอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ ระยะเวลาในการทำ ประมาณ 1/2 ชั่วโมง / ครั้ง สำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ควรทำสัปดาห์ละ 2 ครั้งติดต่อกัน 3 สัปดาห์ จากนั้นควรทำสัปดาห์ละครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ แล้วค่อยๆลดลงเรื่อยๆเป็นทุกๆ 2 เดือน
- Hyperoxidative Therapy คือ การล้างพิษด้วยการให้ H2O2 (Hydrogen peroxide) โดยทั่วไปแล้ว H2O2 สามารถถูกสร้างในทุกๆเซลล์ มีหน้าที่ช่วยควบคุมการสร้างพลังงาน กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยทำลายเชื้อไวรัส เชื้อราและยีสต์ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดการอุดตันของหลอดเลือด ลดอาการปวดเรื้อรัง จึงใช้รักษาและบรรเทาอาการปวด ผื่นอักเสบ บวมแดงของโรคสะเก็ดเงินได้ การล้างพิษด้วยการให้ H2O2 มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากร่างกายเรามีเอนไซม์ catalase ที่ช่วยเปลี่ยน H2O2 ให้เป็นออกซิเจนและน้ำได้
- ล้างพิษด้วยการอบตัวโดยแสง INFRARED SAUNA เป็นเครื่องที่ใช้ความร้อนจากคลื่น Infrared ซึ่งสามารถผ่านชั้นผิวหนังได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการสะสมของสารพิษ และยังทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น ช่วยเร่งการขับเหงื่อและสารพิษออกจากร่างกายทั้งโลหะหนัก สารเคมี และสารพิษที่ละลายในไขมันให้ออกมากับเหงื่อ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ทำให้เซลล์ต่างๆได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น จึงช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว บรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ ผื่นเรื้อรัง คันและบวมแดงได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบ ปวด บวมของข้อสำหรับผู้ที่เป็นข้ออักเสบจากสะเก็ดเงิน ถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆของร่างกาย มีการใช้ทั่วไปในโรงพยาบาล เช่น ตู้อบเด็กทารกแรกเกิด ไม่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง แต่หลังทำอาจรู้สึกผิวแห้งและหยาบกร้านสักระยะหนึ่ง จึงควรทาโลชั่นและดื่มน้ำมากๆภายใน 24 ชั่วโมงหลังการทำ