เหมาะสำหรับ
- ลดเซลลูไลท์
- ลดเลือนริ้วรอย
- ลดขนาดของเส้นรอบวง
- กระชับผิว
- ลดเลือนรอยแตกลาย
- ขับของเสียและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
ผู้ที่ไม่เหมาะสม
- มีอาการอักเสบ หรือติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- เป็น หรือเคยเป็นมะเร็ง หรือมีเซลล์ที่สามารถกลายเป็นมะเร็งได้โดยเฉพาะในบริเวณที่ทำการรักษา
- มีภาวะเสื่อมทางระบบประสาท
- เป็นโรคที่สามารถกระตุ้นได้โดยความร้อน เช่น เริมในบริเวณที่ต้องการรักษา
- ใช่เครื่องกระตุ้นหัวใจ เครื่องควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ
- มีการใส่โลหะไว้ในร่างกายในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา (ยกเว้นอุปกรณ์ทำฟัน)
- มีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ที่ไม่สามารถควบคุมได้
- เป็นเส้นเลือดขอด
- ตั้งครรภ์ หรือ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
- มีอาการทางผิวหนังที่เกี่ยวกับโรคภูมิต้านทานตนเองบกพร่อง
- มีการฉีดหรือเสริมซิลิโคนในผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- ตามดุลยพินิจของแพทย์
ผู้ที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา
- มีการฉีดโบทอกซ์ในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา (ให้เว้นระยะ 1 เดือนหลังจากมีการฉีดโบทอกซ์ครั้งล่าสุดก่อนมารับการรักษา)
- กำลังเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดา
- เป็นโรคลมบ้าหมู
- มีการทำเลเซอร์และการผลัดลอกเซลล์ผิวด้วยสารเคมีภายใน 1 เดือนก่อนมารับการรักษา
- มีแผลเป็น บาดแผล หรือมีรอยถลอกที่เกิดใหม่ในบริเวณที่ต้องการรับการรักษา
- มีภาวะเส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ
- ไม่แนะนำให้ทำบริเวณเหนือต่อมไทรอยด์
- มีการใช้กรดวิตามินเออย่างต่อเนื่อง (เช่น โรแอคคิวเทน)
- เพิ่งได้รับการฉีดฟิลเลอร์
- เพิ่งได้รับการผ่าตัด
- ผื่นแดงบนใบหน้า(Rosacia) (ไม่แนะนำให้ทำบริเวณใบหน้า แต่สามารถทำบริเวณอื่นๆได้)
การดูแลรักษาและข้อควรระวัง
- ถอดเครื่องประดับ หรือ วัสดุที่เป็นโลหะออกทั้งหมด
- ทำความสะอาดบริเวณที่ทำการรักษาให้ปราศจากโลชั่น หรือ เครื่องสำอาง
- ในกรณีทำการรักษาบริเวณหน้าท้อง ควรรับประทานอาหารมาก่อนอย่างน้อย 30 นาที
- ในกรณีทำการรักษาบริเวณหน้า ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์มาก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์*
- ในกรณีทำการรักษาบริเวณหน้า ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์อย่างน้อย 1 เดือน*
- ในกรณีทำการรักษาบริเวณหน้า ควรเว้นระยะห่างจากการร้อยไหมละลายอย่างน้อย1-3 เดือน*
- ตามดุลยพินิจของแพทย์
ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษา
- ควรดื่มน้ำเยอะๆวันละ2-3ลิตรต่อวัน
- ไม่ควรเข้าซาวน่าหน้าหลังการทำทรีทเม้นต์
- ในกรณีทำทรีทเม้นต์บริเวณลำตัว ไม่ควรรับประทานอาหารหลังการทำทรีทเม้นต์ทันทีควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
เรียบเรียงโดย ฝ่ายวิจัยและพัฒนา [ แก้ไขข้อมูล 1/12/59 ]