4 ข้อข้องใจ ควรทำเลเซอร์ช่วงหน้าร้อนหรือไม่?

ถือเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนมักสงสัยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ต้องการทำเลเซอร์ หน้าใส ออกไปอวดโฉมให้เพื่อน ๆ ในช่วงสงกรานต์ที่ใกล้เข้ามา ควรจะทำเลเซอร์ในช่วงฤดูร้อนดีหรือไม่? เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวทะลุปรอท ร่วมกับแสงแดดที่พร้อมแผดเผาเราได้ทุกย่างก้าว ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาลดลงได้ทั้งสิ้น

แล้วทำไมกันล่ะ? ทั้งความร้อน อุณหภูมิ และแสงแดดในช่วงฤดูร้อน จะส่งผลเสียต่อการทำเลเซอร์ของเราขนาดนั้นเชียวเหรอ? หากเป็นแบบนี้ ควรทำเลเซอร์ในช่วงเวลาอื่นดีหรือไม่? Medisci Clinic จะมาไขข้อข้องใจให้ทุกคนกระจ่างกัน

1.  เลเซอร์บางชนิดอาจทำให้ผิวหนังบอบบางและไวต่อแสงแดดกว่า

จริงอยู่ว่าการทำเลเซอร์ ถือว่าเป็นการรักษาด้วยลำแสงพลังงานสูง (High Power Laser Therapy) ซึ่งช่วยกระตุ้นเซลล์ให้สร้างผิวใหม่ที่เรียบเนียน หนา และแข็งแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทว่าการทำเลเซอร์บางชนิดก็ทำให้เกิดรอยถลอกที่ผิวหนัง โดยเฉพาะชั้นกำพร้าและชั้นนอกซึ่งจะเกิดอาการลอกเป็นขุยอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างกายจะสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่ดีกว่าเดิมมาทดแทน อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังอยู่สภาวะฟื้นฟูตัวเองอยู่นั้น ผิวหน้าจะบอบบางและไวต่อแสงเป็นพิเศษจนเป็นปัญหาผิวคล้ำตามมา

2.  แสงแดดอาจทำให้ผิวหนังเกิดความเสียหายระดับเซลล์

แสงแดดจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมามีรังสี UV (Ultraviolet) ซึ่งแยกย่อยเป็น 2 ประเภท ได้แก่ UVA (Ultraviolet A-rays) และ UVB (Ultraviolet B-rays) แม้ว่ารังสีทั้งคู่จะมีระดับความรุนแรงและอานุภาพทะลุทะลวงที่แตกต่างกัน ทว่ารังสี UV ทั้งสองชนิดต่างก็เป็นอันตรายต่อผิวหนังมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปทำลายตัวคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ซึ่งส่งผลให้ผิวหนังที่เพิ่งทำเลเซอร์มาเสียหายได้ 

3.  อุณหภูมิร้อนระอุอาจทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื่น

ยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไหร่ ผิวหนังก็ยิ่งทวีแห้งมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น และแห้งกร้านไว ยิ่งไปกว่านั้น หากปล่อยผิวแห้งเป็นเวลานาน ๆ จะยิ่งเร่งต่อมไขมันให้สร้างน้ำมัน (Sebum) ปริมาณมากเพื่อชะลอการสูญเสียความชุ่มชื้น จนทำให้หน้ามันมากกว่าปกติและยังกลายเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกที่เกาะรวมกันอุดตันรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดสิวและโรคผิวหนังอื่นตามมา

4.  ยับยั้งหรือชะลออัตราการฟื้นฟูของผิวหลังทำเลเซอร์ ไม่ให้เป็นอย่างที่ควร

การทำเลเซอร์โดยปรกติจะเป็นการยิงลำแสงพลังงานสูง (High Power Laser) เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นเซลล์สร้างคอลลาเจนมากขึ้น แน่นอนว่าผิวย่อมต้องการพักผ่อนและฟื้นฟูตัวเองเป็นธรรมดา หากยิ่งโดนแสงแดดในช่วงฤดูร้อนนี้ ก็ยิ่งทวีความเสียหายแก่ผิว ทั้งยังยับยั้งหรือชะลออัตราฟื้นตัวไม่กลับสู่สภาวะปรกติในช่วงเวลาอันควร ส่งผลให้การสร้างคอลลาเจนไม่เป็นอย่างที่ควร 

แม้ว่าหลายคนจะประสบพบเจอกับปัญหาในลักษณะดังที่กล่าว ทว่าสิ่งที่เราไม่ควรละเลยคือการเพิ่มด่านปราการปกป้องผิวให้ได้รับความเสียหายน้อยที่สุด หากคุณต้องเผชิญหน้ากับแสงแดดในทุกครั้งที่ก้าวเท้าออกจากบ้าน การมีครีมกันแดดหรือเสื้อกัน UV ที่สร้างเกราะป้องกันได้ทรงประสิทธิภาพสักตัวคงเป็นตัวเลือกที่ช่วงลดโอกาสเสี่ยงแก่ผิวคุณได้อีกเปราะใหญ่ทีเดียว

DFU อีกหนึ่งทางสำหรับผู้ต้องการผิวสวยในช่วงฤดูร้อน

แม้ว่าหน้าร้อนจะไม่ค่อยเอื้อประโยชน์ต่อการทำเลเซอร์แค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้ หากเรารู้จักการป้องกันตนเองจากแสงแดด เช่น การอยู่ในที่ร่ม ๆ อุณหภูมิไม่ร้อน ใส่เสื้อมิดชิด หลึกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดผิวเสียหลังการทำเลเซอร์ไปได้ไม่น้อยเลย

หรือยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง ด้วยการใช้ DFU (Dual Frequency Ultrasound Technology) ซึ่งเป็นการรักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy) ช่วยรักษาปัญหาผิว สร้างเซลล์ผิวใหม่ และปรับโครงสร้างเซลล์ที่เสียสภาพจากการบาดเจ็บ เช่น แผลเป็น แผลหลุมสิว แผลคีลอยด์ แผลพุพอง ตลอดจนฟื้นฟูผิวอักเสบจากสิวหรือผื่นแพ้จนเรียบเนียนกระชับ ริ้วรอยจางลงได้โดยไม่ต้องใช้เลเซอร์ใด ๆ และไม่ก่ออาการบาดเจ็บตลอดการรักษาอีกด้วย จึงถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ต้องการรักษาผิวหน้าให้กระจ่างใสในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ได้ดีเลยทีเดียว

หากใครสนใจ เมดดิไซน์ขอเสนอบริการรักษาผิว SAVE SKIN Program ที่จับคู่คอมโบ DFU + Ampoule ไม่ว่าจะเจอรังสี UV แบบไหนก็เอาอยู่ ช่วยบูสต์ผิวให้สวยใสเปล่งประกาย ไม่ต้องอายแดดอีกต่อไป นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันสารอนุมูลอิสระ เร่งการสร้างโกรธแฟคเตอร์ และ Hyaluronic Acid ได้อีกด้วย