Accutite กระชับผิวส่วนเกิน คืนผิวเด้งพร้อมสลายไขมัน

Accutite กระชับผิวส่วนเกิน คืนผิวเด้งพร้อมสลายไขมัน

แอคคิวไทท์ (AccuTite) เป็นกระบวนการกระชับเนื้อเยื่อบนผิวและใต้ผิวพร้อมสลายไขมันโดยใช้ความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุผ่านหัวโพรบทั้งด้านบนผิวและใต้ผิว สามารถทำการรักษาในพื้นที่เล็ก ๆ บริเวณผิวหน้าและลำตัวได้ มีแผลขนาดเล็กมาก ๆ ระยะเวลาการพักฟื้นน้อย

ข้อบ่งชี้เพื่อการรักษา ความร้อนที่เกิดขึ้นในไฟบรัส เซปต้า (Fibrous septa) และชั้นเรติคูลาร์ เดอร์มิส (Reticular dermis) จากแอคคิวไทท์ (AccuTite) ทำให้คอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้หดตึงตัวและผิวยกกระชับขึ้น

บริเวณที่ทำการรักษา

• กระชับชั้นใต้ผิวบริเวณผิวหน้าและลำคอที่ระดับความลึก 5-10 มิลลิเมตร

• สามารถทำในพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ร่องแก้ม, เหนียงใต้คาง, กรอบหน้า, ถุงใต้ตา, หนังตา, กระเปาะแก้ม, บริเวณลำคอที่เหี่ยวย่น, บริเวณไขมันส่วนเกินมุมรักแร้

  วินิจฉัยเฉพาะบุคคลโดยแพทย์เฉพาะทาง

• หากทำการรักษาบริเวณผิวชั้นตื้นที่มีขน เช่น เคราของผู้ชายอาจทำให้ขนขึ้นน้อยลง

ก่อนทำการรักษา

1. เมื่อใช้ แอคคิวไทท์ (AccuTite) บริเวณรอบปากในผู้เข้ารับการรักษาที่เคยมีประวัติเป็นโรคเริม (Herpes Simplex) ควรให้ยากลุ่ม Prophylactic antivirals ทุกราย

2. ผู้เข้ารับการรักษาที่ทานยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) หากได้รับอนุญาตจากแพทย์ประจำตัวของผู้เข้ารับการรักษา ควรหยุดทานยา 10 วันก่อนทำการรักษา

3. ซักประวัติและคัดกรองผู้เข้ารับการรักษาที่มีข้อห้ามก่อนทำการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุออก

4. Mark พื้นที่ที่ทำการรักษา

5. เลือกบริเวณที่ทำการรักษา

ขั้นตอนการทำการรักษา

1. แพทย์ทำการรักษาในบริเวณที่กำหนด

2. สอดใส่ท่อขนาดเล็กในบริเวณในจุดที่กำหนดโดยไม่ให้ถูกเส้นประสาทใบหน้า คนไข้จะรู้สึกอุ่น ๆ และแพทย์จะทำการเคลื่อนอุปกรณ์เพื่อปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุลงสู่บนผิวและใต้ผิว

3. หากทำการรักษาในพื้นที่ทำการรักษาที่มีไขมันมากกว่า 50 cc ควรดูดไขมันออกหลังแอคคิวไทท์ (AccuTite)

หลังเข้ารับการรักษา

1. ลดอุณหภูมิผิวหลังทำการรักษาในบริเวณที่รู้สึกไม่สบายผิวหรือมีการตอบสนองมากกว่าปกติด้วยก๊อซชุบน้ำเกลือบิดหมาด

2. ทำแผลขนาดเล็กในบริเวณที่จุดสอดใส่อุปกรณ์

3. สารน้ำอาจมีการซึมออกจากแผลหลังทำการรักษาประมาณ 1-3 วัน และต้องเปลี่ยนผ้าปิดแผลทุกวัน

4. อาจพิจารณาให้ยาลดปวดในรายที่ต้องการบรรเทาอาการไม่สุขสบายผิวหลังทำการรักษา

5. อาจพิจารณาให้ทายาปฏิชีวนะ (Antibiotic) หรือยาทานกลุ่ม Prophylactic 5-7 วันหลังทำการรักษาเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ

6. ใส่การ์เมนต์ซัปพอร์ต (Garment support) หลังทำการรักษา

   • บริเวณคอหลังทำการรักษา 3-4 วันใส่ตลอด 24 ชั่วโมงและใส่เฉพาะช่วงกลางคืน 3 สัปดาห์

   • บริเวณใบหน้าขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์

   • บริเวณร่างกายหลังทำการรักษา 3 สัปดาห์แรกใส่ตลอด 24 ชั่วโมงและใส่เฉพาะช่วงกลางคืน 3 สัปดาห์ถัดไป

7. ในบางรายผิวอาจเป็นจ้ำเขียวประมาณ 7-10 วันหรือนานกว่านั้น

8. อาการบวมช้ำเล็กน้อย หลังทำการรักษาอาจเกิดขึ้นได้ประมาณ 1-3 สัปดาห์

9. ในบางรายที่มีอาการชาผิว ยิบ ๆ คันหรือตึงผิวเมื่อมีการสัมผัสบริเวณที่ทำการรักษาอาจพบได้และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังทำการรักษา 4-6 สัปดาห์ หรือในรายที่มีอาการแสบร้อนผิวในบริเวณที่ผิวบาง ๆ หลังทำการรักษา 4-6 สัปดาห์อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกัน

ผลลัพธ์หลังทำการรักษา

1. หลังทำการรักษาเห็นการกระชับผิวบริเวณที่ทำการรักษาทันที

2. ทั้งนี้กระบวนการซ่อมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวจะยังคงมีต่อเนื่องที่ 3–12 สัปดาห์

Tips

• หากต้องประคบเย็นต้องปราศจากเชื้อ (Sterile) เท่านั้นและเตรียมให้พร้อมหากจำเป็นต้องใช้ขณะทำการรักษา

• หลีกเลี่ยงการทำการรักษาบริเวณที่มีการใช้สารเติมเต็มชนิดธรรมชาติ (Natural fillers) หากจำเป็นต้องทำให้เลยระยะที่ฉีดนานกว่า 6 เดือน

• หลีกเลี่ยงบริเวณที่เพิ่งฉีดสารโบท็อกซ์ (Botox) น้อยกว่า 1 สัปดาห์

• ห้ามทำการรักษาบริเวณที่ฉีดซิลิโคนหรือสารเติมเต็มชนิดสังเคราะห์ (Synthetic fillers) ใต้ผิว

• การดูแลจุดสอดเข็ม (Access port) หลังทำการรักษาใช้การประคบเย็นแบบปราศจากเชื้อ (Sterile) หลังเสร็จสิ้นการรักษาในแต่ละจุด (Zone)

ภาพก่อนและหลัง การรักษาด้วยแอคคิวไทท์ในบริเวณต่าง ๆ 

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

บริเวณรอบดวงตา ถุงตา หางตา เปลือกตาบน

บริเวณเหนียงใต้คาง กระเปาะแก้ม

บริเวณใต้คาง กรอบหน้า

บริเวณเหนียงคาง 

บริเวณส่วนเกินบริเวณไขมันมุมรักแร้