แอคคิวไทท์ (AccuTite) เป็นกระบวนการกระชับเนื้อเยื่อบนผิวและใต้ผิวพร้อมสลายไขมันโดยใช้ความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุผ่านหัวโพรบทั้งด้านบนผิวและใต้ผิว สามารถทำการรักษาในพื้นที่เล็ก ๆ บริเวณผิวหน้าและลำตัวได้ มีแผลขนาดเล็กมาก ๆ ระยะเวลาการพักฟื้นน้อย นอกจากนี้ความร้อนที่เกิดขึ้นในไฟบรัส เซปต้า (Fibrous septa) และชั้นเรติคูลาร์ เดอร์มิส (Reticular dermis) จากแอคคิวไทท์ (AccuTite) ทำให้คอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้หดตึงตัวและผิวยกกระชับขึ้น
Treatment Area | Treatment Depth | Hand Piece | External Cut-off Temperature | Internal Cut-off Temperature | Treatment Time Per Zone |
---|---|---|---|---|---|
Face/Neck | 5-10 mm | AccuTite | 35-36 ºC | 50-55 ºC | 15-60 sec |
Small Specialty areas | 5-15 mm | AccuTite | 35-36 ºC | 55-60 ºC | 30-90 sec |
เมื่อใช้ แอคคิวไทท์ (AccuTite) บริเวณรอบปากในผู้เข้ารับการรักษาที่เคยมีประวัติเป็นโรคเริม (Herpes Simplex) ควรให้ยากลุ่ม Prophylactic antivirals ทุกราย
ผู้เข้ารับการรักษาที่ทานยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) หากได้รับอนุญาตจากแพทย์ประจำตัวของผู้เข้ารับการรักษา ควรหยุดทานยา 10 วันก่อนทำการรักษา
ซักประวัติและคัดกรองผู้เข้ารับการรักษาที่มีข้อห้ามก่อนทำการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุออก
Mark พื้นที่ที่ทำการรักษา
เลือกบริเวณที่ทำการรักษา
แพทย์ทำการรักษาในบริเวณที่กำหนด
สอดใส่ท่อขนาดเล็กในบริเวณในจุดที่กำหนดโดยไม่ให้ถูกเส้นประสาทใบหน้า คนไข้จะรู้สึกอุ่น ๆ และแพทย์จะทำการเคลื่อนอุปกรณ์เพื่อปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุลงสู่บนผิวและใต้ผิว
หากทำการรักษาในพื้นที่ทำการรักษาที่มีไขมันมากกว่า 50 cc ควรดูดไขมันออกหลังแอคคิวไทท์ (AccuTite)
ลดอุณหภูมิผิวหลังทำการรักษาในบริเวณที่รู้สึกไม่สบายผิวหรือมีการตอบสนองมากกว่าปกติด้วยก๊อซชุบน้ำเกลือบิดหมาด
ทำแผลขนาดเล็กในบริเวณที่จุดสอดใส่อุปกรณ์
สารน้ำอาจมีการซึมออกจากแผลหลังทำการรักษาประมาณ 1-3 วัน และต้องเปลี่ยนผ้าปิดแผลทุกวัน
อาจพิจารณาให้ยาลดปวดในรายที่ต้องการบรรเทาอาการไม่สุขสบายผิวหลังทำการรักษา
อาจพิจารณาให้ทายาปฏิชีวนะ (Antibiotic) หรือยาทานกลุ่ม Prophylactic 5-7 วันหลังทำการรักษาเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
ใส่การ์เมนต์ซัปพอร์ต (Garment support) หลังทำการรักษา
บริเวณคอหลังทำการรักษา 3-4 วันใส่ตลอด 24 ชั่วโมงและใส่เฉพาะช่วงกลางคืน 3 สัปดาห์
บริเวณใบหน้าขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
บริเวณร่างกายหลังทำการรักษา 3 สัปดาห์แรกใส่ตลอด 24 ชั่วโมงและใส่เฉพาะช่วงกลางคืน 3 สัปดาห์ถัดไป
ในบางรายผิวอาจเป็นจ้ำเขียวประมาณ 7-10 วันหรือนานกว่านั้น
อาการบวมช้ำเล็กน้อย หลังทำการรักษาอาจเกิดขึ้นได้ประมาณ 1-3 สัปดาห์
ในบางรายที่มีอาการชาผิว ยิบ ๆ คันหรือตึงผิวเมื่อมีการสัมผัสบริเวณที่ทำการรักษาอาจพบได้และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังทำการรักษา 4-6 สัปดาห์ หรือในรายที่มีอาการแสบร้อนผิวในบริเวณที่ผิวบาง ๆ หลังทำการรักษา 4-6 สัปดาห์อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกัน
หลังทำการรักษาเห็นการกระชับผิวบริเวณที่ทำการรักษาทันที
ทั้งนี้กระบวนการซ่อมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวจะยังคงมีต่อเนื่องที่ 3–12 สัปดาห์
หากต้องประคบเย็นต้องปราศจากเชื้อ (Sterile) เท่านั้นและเตรียมให้พร้อมหากจำเป็นต้องใช้ขณะทำการรักษา
หลีกเลี่ยงการทำการรักษาบริเวณที่มีการใช้สารเติมเต็มชนิดธรรมชาติ (Natural fillers) หากจำเป็นต้องทำให้เลยระยะที่ฉีดนานกว่า 6 เดือน
หลีกเลี่ยงบริเวณที่เพิ่งฉีดสารโบท็อกซ์ (Botox) น้อยกว่า 1 สัปดาห์
ห้ามทำการรักษาบริเวณที่ฉีดซิลิโคนหรือสารเติมเต็มชนิดสังเคราะห์ (Synthetic fillers) ใต้ผิว
การดูแลจุดสอดเข็ม (Access port) หลังทำการรักษาใช้การประคบเย็นแบบปราศจากเชื้อ (Sterile) หลังเสร็จสิ้นการรักษาในแต่ละจุด (Zone)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล
บริเวณรอบดวงตา ถุงตา หางตา เปลือกตาบน
บริเวณเหนียงใต้คาง กระเปาะแก้ม
บริเวณใต้คาง กรอบหน้า