ช่วยทีหนูมีฝ้า

รักษาฝ้า

 

ช่วยทีหนูมีฝ้า


          ฝ้า ปัญหาสุดกลุ้มของสาว ๆ  โดยตัวเลขเฉลี่ยของคนที่เป็นฝ้าส่วนใหญ่จะเริ่มจากวัย 35 ปีขึ้นไป แต่ในปัจจุบันนี้ ฝ้าเริ่มเกิดกับสาว ๆ ที่มีอายุน้อยลง กลายเป็นปัญหาการมีฝ้าก่อนวัยอันควร อันเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น แสงแดดที่ร้อนแรง การได้รับสารเคมีต่าง ๆ จากอาหารและเครื่องสำอาง ล้วนมีผลทำให้เกิดฝ้าก่อนวัยอันควรมากขึ้น

          ฝ้า (Melasma) เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีในบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลักษณะคล้ายกับจุดด่างดำแต่มีบริเวณที่กระจายกว้างกว่า เป็นปัญหาที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ผิว มีจุดด่างดำ รอยคล้ำที่ผิว โดยทั่วไปในผู้หญิงอายุเฉลี่ย 35-40 จะเริ่มมีปัญหาเรื่องฝ้า สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้านั้น มีดังนี้

 


     1. พันธุกรรม เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ถ้าหากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นฝ้า ก็จะทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นฝ้าได้มากขึ้น
     2. การรับประทานอาหาร หากเรารับประทานอาหารที่ไม่ได้สัดส่วน หรือรับประทานอาหารในกลุ่มพวกเนื้อสัตว์เยอะ ๆ อาจทำให้เกิดฝ้าได้เพราะในเนื้อสัตว์จะมีการฉีดสารเคมีเร่งการเจริญเติบโต สารพวกนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นฮอร์โมน เข้าไปรบกวนสมดุลฮอร์โมนเพศในร่างกาย ซึ่งทำให้เกิดปัญหาฝ้าตามมาได้ หรือการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล ทำให้มีปัญหาเรื่องระบบย่อย ระบบดูดซึมในร่างกายทำงานผิดปกติ ปัญหาความเครียด ความอ้วน  ไขมันพอกตับ การดื่มแอลกอฮอล์หรือการได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้มีปัญหาความไม่สมดุลของฮอร์โมนและทำให้เกิดฝ้า
     3. ร่างกายขาดวิตามินบางตัว คนที่ร่างกายขาดวิตามินในกลุ่มของพวกวิตามินบี ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 6, วิตามินบี 12 จะมีการทำงานผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน ก่อให้เกิดฝ้า
     4. ความเครียด จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีมากขึ้น มีผลทำให้เกิดฝ้า
     5. เครื่องสำอาง การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ, กรดซัลฟิวริก (Sulphuric acid) ซึ่งกรดเหล่านี้จะมีคุณสมบัติในการลอกผิว ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองและทำให้เกิดผื่น เมื่อหน้าเราถูกแดดก็จะทำให้ผิวส่วนนั้นมีสีเข้มขึ้น จนกลายเป็นฝ้าดำถาวรบนใบหน้าหรือการใช้โฟมล้างหน้าที่ทำความสะอาดล้ำลึก ขัดผิว ลอกผิวเครื่องสำอางจำพวกนี้จะทำให้ผิวบางขึ้น ทำให้ใบหน้าเกิดฝ้า

วิธีการรักษาฝ้า มีการรักษาทั้งภายในและภายนอก
 
การรักษาฝ้าจากภายนอก
     - การรักษาด้วยทายา กลุ่มยาที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว หรือกลุ่มยาที่มีผลต่อการสร้างเม็ดสี มีผลทำให้การสร้างเม็ดสีน้อยลงทำให้ฝ้าดูจางลง
     - การรักษาโดยเลเซอร์หรือแสง ช่วยให้มีการผลัดเซลล์ผิวด้านบนออกด้วยการลดการทำงานของหลอดเลือด สามารถช่วยลดการเกิดฝ้าได้รวมถึงการดูแลรักษาหลังการทำเลเซอร์ก็เป็นส่วนสำคัญอีกด้วย

 

การรักษาฝ้าจากภายใน
     - การฝังเข็ม เพื่อช่วยในการปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
     - ฉีดสารสกัดจากธรรมชาติในกลุ่มของโฮมีโอพาธีย์ มีคุณสมบัติช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ล้างสารเคมีออกจากเซลล์ผิว เพิ่มภูมิต้านทานของผิว ปรับสมดุลฮอร์โมนที่มีผลต่อการทำงานของผิว
     - การรับประทานอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรืออาหารเสริมที่ช่วยเสริมการทำงานของตับ มีการศึกษาว่าการให้สารอาหารที่บำรุงตับ จะช่วยลดการเกิดฝ้าได้

          เราสามารถป้องกันการเกิดฝ้าได้ ด้วยการทาครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันได้ดียิ่งขึ้น  พยายามหลีกเลี่ยงความร้อนต่าง ๆ เพราะจะทำให้หลอดเลือดขยาย ก็สามารถไปกระตุ้นให้เกิดฝ้า เลือกทาครีมบำรุงที่ช่วยในการดูแลผิวได้ดี ไม่ควรทำการขัดผิว หรือสครับหน้า ที่สำคัญที่สุดคือผิวต้องแข็งแรง หลีกเลี่ยงการรับประทานยาคุม ฉีดยาคุม หรือการทานยาฮอร์โมนในปริมาณสูงเพื่อเลื่อนประจำเดือน ทั้งหมดมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกาย ต้องมีความรู้และความระมัดระวังถึงจะช่วยลดการเกิดฝ้า รวมถึงลดการเป็นซ้ำของการเกิดฝ้าได้  การใช้ชีวิตประจำวันของเรามีส่วนเป็นอย่างมากที่ทำให้เราเกิดฝ้าก่อนวัยอันควร เพราะฉะนั้นเราจึงควรต้องดูแลตัวเอง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เสริมภูมิต้านทานให้เซลล์ จะได้ไม่เสื่อมก่อนวัย

 

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้