หากสังเกตโดยรอบดูดี ๆ จะพบว่าวัยรุ่นไทยเริ่มหันมาดูแลรักษาตัวเองกันมากขึ้น ไม่ว่าค่านิยมหรือความชื่นชอบดาราทั้งจากในสื่อโซเชียลมีเดียหรือละครทีวีก็ล้วนแล้วส่งผลให้เหล่าวัยรุ่นต้องหันมาดูแลตัวเองให้ดูดีในสายตาคนอื่นมากขึ้น สิ่งนั้นอาจเป็นการศัลยกรรมเพื่อเพิ่มความมั่นใจและโอกาสชีวิตตัวเองมากขึ้น แต่ด้วยการต้องกลัวเจ็บและพักฟื้นนาน ทำให้วัยรุ่นเริ่มหาวิธีดูแลตัวเองที่ดูง่ายและดูจับต้องได้อย่าง ‘โบท็อกซ์’
แม้ว่าโบท็อกซ์จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับยกหน้าแก้ปัญหาริ้วรอยผิวหย่อนคล้อย แต่ก็มีข้อกังขามากมายให้เราต้องสืบค้นกันต่อไป และคงดีกว่านี้หากเรารู้จักสิ่งที่เรียกว่า ‘โบท็อกซ์’ มากพอก่อนตัดสินใจทำ
โบท็อกซ์ (Botox) หรือ Botulinum toxin A คือสารชีวภาพชนิดหนึ่งที่ได้จากการสกัดสารพิษของแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อ Clostridium botulinum ซึ่งมีผลก่อเกิดโรคอาหารเป็นพิษในร่างกายของเรานั่นเอง ทั้งนี้ท็อกซินชนิดดังกล่าวพบได้รับการค้นพบจากแพทย์ชาวเยอรมันนามว่า จัสทินัส เคอร์เนอร์ (Justinus Kerner) เมื่อปีค.ศ. 1817 ก่อนจะพัฒนามาประยุกต์ใช้เพื่อรักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง และส่งทอดองค์ความรู้ดังกล่าวมาใช้แก่วงการความงามในปัจจุบัน
การใช้โบท็อกซ์ในช่วงเริ่มแรกเป็นไปเพียงเพื่อทุเลาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อตา อาการตาเหล่หรือตาเข ตลอดจนอาการปวดตึงตามกล้ามเนื้อคอ อาการปวดไมเกรมและเหงื่อออกเยอะผิดปรกติ (Hyperhidrosis) ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ทในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 กระทั่งองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA: Food and Drug Administration) ได้อนุมัติให้โบท็อกซ์เป็นเวชภัณฑ์เพื่อประโยชน์ด้านความงามนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 จนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น การเลือกใช้โบท็อกซ์ที่มีคุณภาพ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งควรฉีดสารโบในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับได้รับการรักษาจากแพทย์ชำนาญการฉีด เพราะหากฉีดไม่ถูกจุด หรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ทำให้หน้าแก่ลง คิ้วตก รูปหน้าเบี้ยว หรือแม้กระทั่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การฉีดโบนั้นยังสงวนไว้ในคนบางกลุ่มที่ไม่ควรฉีดอีกด้วย เช่น
การฉีดโบท็อกซ์นั้นให้เห็นผลได้เร็วเพียงไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึง 2 - 3 วันหลังฉีด ทว่ามีข้อจำกัดที่ไม่สามารถคงสภาพได้ถาวร ซึ่งโดยมากจะอยู่ได้ราว 3 – 6 เดือน (หรืออาจนานถึง 8 เดือน)
เนื่องจากวัยรุ่นส่วนใหญ่ต้องเผชิญมลพิษและแสงแดดกลางกลางแจ้งทุกวัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ริ้วรอยแห่งวัยจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปรกติ ซึ่งโบท็อกซ์ช่วยลดเลือนริ้วรอยในวัยรุ่นก่อนวัย ทั้งเสริมเกราะป้องกันผิวจากริ้วรอยที่อาจเกิดขึ้นในวันข้างหน้าได้อย่างดี เพียงฉีด 1 – 2 ครั้ง/ปี ก็เพียงพอสำหรับฟื้นบำรุงผิว ปั้นทรงเสริมจมูกและรูปหน้าให้เข้ารูปหลากมิติยิ่งขึ้น โบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์ของกลุ่มคนอายุยังน้อยย่อมใช้ปริมาณน้อยกว่าวัยผู้ใหญ่ ซึ่งอาจใช้เพียง 2 cc ก็สามารถเข้ารูปหน้าสวย แตกต่างจากวัยผู้ใหญ่ที่ต้องใช้ปริมาณ 4 cc ขึ้นไปถึงจะยกกระชับและคงสภาพเข้ารูปหน้า V-shape อย่างไรก็ตาม หากฉีดโบท็อกซ์มากเกินไปหรือกระทำโดยผู้ขาดความชำนาญแพทย์ หรือเข้าใจโครงสร้างของการทำงานกล้ามเนื้อมัดเล็กเหล่านั้นอย่างแท้จริง ก็อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อตายหรือเป็นอัมพาตจนไม่สามารถพูด เคี้ยว หรืออ้าปากได้
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจเข้าใจผิดว่าการฉีดโบท๊อกซ์ไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้จากร้านเสริมสวยซึ่งบางแห่งเปิดบริการฉีดโบท็อกซ์ให้ผู้เข้ารับบริการ และที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คงไม่พ้นผลข้างเคียงที่ยากจะหลีกเลี่ยง
สามารถรักษาได้ด้วยการฉีด Botox ไปที่ frontalis คิ้วข้างที่สูงกว่าเพื่อให้ดึง frontalis ลดลง หรือยกคิ้วอีกด้านหนึ่งให้เท่ากัน ซึ่งหากต้องการปรับแก้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อดูสัดส่วนของใบหน้าว่าคิ้วควรจะอยู่ตรงส่วนใด ตำแหน่คิ้วที่ดีไม่ควรจะต่ำกว่ากระดูกกระบอกตาบน (Supraorbital rim)
หากฉีด Botox ปริมาณมากเกินไปอาจทำให้หน้าดูตอบและแก่กว่าวัยได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะฟื้นคืนสภาพใกล้เคียงปรกติในประมาณ 6 เดือน แต่ในบุคคลที่มี Masseter ขนาดเล็ก หรือ ฉีดบ่อย ๆ พบว่ามีการลีบลง (Atrophy) เกือบถาวรของตัว masseter ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่กล้ามเนื้อไม่ได้ใช้แล้วลีบลง (Disuse arophy ) และมีการเปลี่ยนแปลงของกระดูกบริเวณที่เกาะของกล้ามเนื้อ masseter (มีงานวิจัยที่วัดความหนาของกระดูกบริเวณขากรรไกรในคนที่ฉีด botox ที่ masserter เมื่อเทียบกับคนที่ฉีดน้ำเกลือ พบว่าความหนาของกระดูกลดลงในนนที่ฉีดโบทอกซ์) ซึ่งอาจจะทำให้หน้าตอบถาวรได้ วิธีแก้จึงในกรณีที่กล้ามเนื้อ masseter ยุบถาวรต้องสร้างรูปร่างกระดูกขึ้นมาใหม่โดยใช้สารเติมเต็ม (Filler) ร่วมด้วย
หลังฉีดโบตัวยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก และฉีดครั้งหนึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน ตัวโบก็จะค่อย ๆ สลายไป ดังนั้นคุณจึงต้องกลับมาฉีดซ้ำอีก
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก่อนที่คิดจะวางแผนทำการฉีดโบ เราควรต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และเช็กความพร้อมของร่างกายตัวเอง จะได้สวยอย่างถูกใจ และปลอดภัยด้วย