สวยไม่เสี่ยง
ถ้าไม่อยากหน้าพัง อย่าเสี่ยงกับของถูก ‼️ เพราะใบหน้าเรามีเพียงหน้าเดียว สวยอย่างไรไม่ให้เสี่ยงอันตราย พลาดไม่ได้เลยค่ะ เรื่องสวยๆ งามๆ เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับคนทุกเพศทุกวัย เราอยู่ในยุคที่ทุก ๆ คนสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทานเอง ใช้เองได้ การโฆษณาชวนเชื่อของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตามสื่อทางออนไลน์ รวมไปถึงการศัลยกรรมตกแต่งเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น ซึ่งหากผลที่ได้เป็นที่พึงพอใจก็ดีไป แต่ถ้าหากเกิดผลข้างเคียง ไม่เป็นดั่งที่หวังหรือแย่กว่าเดิม จนเกิดเป็นความทุกข์ ทำให้เสียทั้งเงิน เสียทั้งใจ ในภายหลัง
1.ครีมหน้าขาว (whitening cream) จากกรณีที่มีการซื้อครีมหน้าขาว
จากอินเตอร์เน็ตมาใช้ พอหลังจากหยุดใช้ มีอาการอักเสบของผิวหนัง
มีสิวอักเสบ และรอยแดงทั่วใบหน้า ซึ่งเกิดจากสารต้องห้ามที่ใช้
เป็นส่วนประกอบในครีมหน้าขาว
• สารสเตียรอยด์ (Steroid) ส่วนใหญ่จะพบในครีมหน้าขาวและครีมรักษาสิว
ซึ่งผลของการใช้จะทำให้ผิวติดสเตียรอยด์ เมื่อใช้ไปนานๆ
จะทำให้เกิดผิวบางลง ไวต่อแสง ผิวอ่อนแอ รับมลพิษจากภายนอก
ได้ง่าย ทำให้เกิดผิวแพ้ง่าย และทำการรักษายาก ในบางรายหาก
ได้รับสารสเตียรอยด์มากเกินไป อาจส่งผลต่อตับและไตได้
• สารปรอท (mercury) ในผลิตภัณฑ์ครีมหน้าขาว-หน้าใส
• สารปรอท (mercury) ในผลิตภัณฑ์ครีมหน้าขาว-หน้าใส
จำนวนถึงร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่มีสารปรอทในปริมาณสูงปนอยู่
สารปรอทใช้แล้วผิวขาวเร็ว รักษาได้ทั้งสิว ทั้งฝ้า
แต่สารปรอทเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เกิดการทำลายของเซลล์ผิว
ก่อทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ เกิดฝ้า ผิวบางลง
และเมื่อใช้ติดต่อกัน เป็นเวลานานจะทำให้เกิดพิษสะสมของสารปรอท
ในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแส โลหิต ทำให้ตับและไตอักเสบ
เกิดโรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ อีกทั้งในสตรีมีครรภ์ปรอท
จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และไปสู่ทารก ทำให้เด็กมีสมองพิการได้
• สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) อออกฤทธิ์โดยการการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง หรือที่เรียกว่า เมลานิน จึงมีผลทำให้ผิวขาวขึ้นได้ จากกลไกนี้ทำให้ยาไฮโดรควิโนนถูกนำมาใช้เป็นยาทารักษาผิวที่เป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ แต่หากร่างกายได้รับสารไฮโดรควิโนนมากเกินไป ก็จะเกิดผลข้างเคียงตามมา เช่น อาการแสบร้อน ตุ่มแดง และภาวะผิวคล้ำขึ้น หากใช้อย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดเป็นฝ้า เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ที่ได้รับยานี้เกินขนาดตัวยาจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่นหรือเกิดภาวะลมชักได้
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผิวขาว ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์ที่โฆษราเกินจริง ใช้แล้วเห็นผล ผิวขาวใสเร็ว ควรใช้วิจารณญาณด้วยว่าครีมนั้นมีที่มาจากแหล่งไหน ได้รับการรับรองจาก อย.หรือไม่ อย่าเลือกใช้ครีมเพียงเพราะว่าราคาถูก ประหยัด แต่ต้องมาเสียเงินรักษาผิวหน้ามากมายในภายหลัง
2.การฉีดสารเติมเต็ม หรือฟิลเลอร์ (Filler) ฟิลเลอร์คือสาร
(Hyaluronic Acid) เมื่อผสมรวมกับน้ำจะขยายตัวอยู่ในรูปของเนื้อเจล
ซึ่งเป็นสารประกอบของคอลลาเจน จากนั้นจะนำมาฉีดเข้าสู่ใบหน้า
เพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยของผิวอันเนื่องมาจากวัย ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
หางตา และร่องแก้ม รวมถึงการแก้ไขปัญหาแผลเป็นชนิดผิวบุ๋ม
นอกจากนี้ยังมีการฉีดเพื่อเสริมเนื้อเยื่อผิวหนังให้มีลักษณะนูนเต็มขึ้นกว่าเดิม
ไม่ว่าจะเป็นการเสริมจมูก เสริมคาง ริมฝีปาก หรือฉีด เพื่อทำให้รูปทรง
ของหน้าเต่งตึงขึ้น ในปัจจุบัน การฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมอย่าง
แพร่หลาย เนื่องจากเห็นผลทันทีหลังจากการฉีด แต่ก็จะมีหลาย ๆ
กรณีที่เกิดผลข้างเคียงจากการฉีดฟอลเลอร์ ทำให้เกิดอาการบวม
อาการอักเสบติดเชื้อรุนแรง ทำให้เกิดอาการเน่า ใบหน้าผิดรูป
หรือเสียโฉมไปเลยก็มี ซึ่งสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นคือ
• การฉีดสารเติมเต็มจากคนที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือ หมอกระเป๋า แพทย์ที่ทำการฉีดสารเติมเต็มต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือรู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องเหมาะสม สามารถวิเคราะห์ปริมาณยา และตำแหน่งที่ฉีดได้แม่นยำ เพราะเมื่อฉีดสารเข้าไปแต่ละครั้ง มีโอกาสเสี่ยงในการที่จะไปโดนเส้นเลือด หรือบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ ทำให้เกิดอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตได้
• การใช้สารที่ไม่ถูกต้อง “ฟิลเลอร์ปลอม” หรือสารเทียบเคียงฟิลเลอร์” ซึ่งอาจจะเป็นในรูปแบบ ซิลิโคนบด ซิลิโคนเหลว ที่หมอเถื่อรทั้งหลายนำมาใช้โกหกลูกค้าว่าปลอดภัย เพราะฉะนั้น เราต้องแน่ใจว่าสารที่ใช้ฉีด ต้องปลอดภัยและเป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไม่ใช่สารอื่นที่หลอกว่าเป็นฟิลเลอร์ หรือเป็นฟิลเลอร์ราคาถูกที่มีขายอินเตอร์เน็ต หรือนำเข้าอย่างผิดกฏหมาย
สิ่งที่สำคัญในการฉีดฟิลเลอร์นั้น คือ การใช้สารที่มีความปลอดภัย การใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง และฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ การดูแลรักษาที่เคร่งครัดหลังจากการฉีด เพราะปัญหาที่มักพบบ่อยเกิดจากติดเชื้อจากการดูแลหลังจากทำการรักษา ต้องดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด ต้องมีการทำความสะอาดด้วยน้ำยาที่เหมาะสม สถานที่ฉีด ต้องฉีดในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น